การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านหรูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในคอนโดมิเนียม บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสการลงทุนในบ้านหรู ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา รวมถึงแนวทางการตกแต่งเพื่อดึงดูดผู้เช่าที่มีกำลังซื้อสูง
ความคุ้มค่าของการลงทุนในบ้านหรู
การลงทุนในบ้านหรู (ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป) มีความน่าสนใจในแง่ของผลตอบแทนหรือ Yield ที่สูงกว่าการลงทุนในคอนโดมิเนียม โดยบ้านหรูสามารถสร้างรายได้จากการปล่อยเช่าที่ค่อนข้างสูง ประมาณ 100,000 – 500,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่ค่าผ่อนอาจจะอยู่ที่ประมาณ 38,000 บาทต่อเดือน (จากกรณีศึกษาบ้านในโครงการชัยพฤกษ์ บางนา กม.15)
ส่วนต่างระหว่างค่าเช่าและค่าผ่อนที่สูงนี้เป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญเมื่อเทียบกับการลงทุนในคอนโดมิเนียม ซึ่งส่วนต่างมักจะน้อยและอาจเพียงพอแค่จ่ายค่าส่วนกลางและค่าเอเจนซี่เท่านั้น ส่วนต่างที่สูงนี้ทำให้นักลงทุนสามารถนำไปใช้ได้หลายทาง เช่น นำไปโปะเงินต้น ซึ่งหากคำนวณแล้วอาจทำให้ปลดหนี้ได้ภายใน 10-13 ปี และได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นอย่างเต็มตัว

ข้อควรพิจารณาในการลงทุนบ้านหรู
แม้ว่าการลงทุนในบ้านหรูจะให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีข้อควรระวังและปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังนี้:
1. ความเสี่ยงในกรณีไม่มีผู้เช่า
หากไม่มีผู้เช่า นักลงทุนจะต้องรับภาระค่าผ่อนที่ค่อนข้างสูงเพียงลำพัง จากตัวอย่างที่ยกมา หากต้องจ่ายค่าผ่อนเดือนละ 40,000 บาทโดยไม่มีรายได้จากการปล่อยเช่า ก็อาจสร้างความเสียหายทางการเงินได้ โดยเฉพาะหากช่วงที่ไม่มีผู้เช่านั้นยาวนาน
2. การเลือกทำเลที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่า (Capital Gain)
ทำเลที่มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าของบ้านในอนาคตมักเป็นทำเลในเมืองหรือทำเลชานเมืองที่มีโรงเรียนนานาชาติตั้งอยู่ โดยควรพิจารณาทำเลที่มีความต้องการสูงและหาได้ยาก เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับ Capital Gain ที่สูงขึ้น
3. การเลือกโครงการและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer)
การเลือกโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ เช่น แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เช่าและอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าได้ในราคาที่สูงขึ้น

หลักการสำคัญในการลงทุนบ้านหรู: Work-Play-Stay
การลงทุนในบ้านหรูควรพิจารณาหลักการ “Work-Play-Stay” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เช่ามักใช้ในการตัดสินใจเลือกเช่าบ้าน:
Work (การทำงาน)
ผู้เช่าบ้านหรูส่วนใหญ่ (ประมาณ 95%) เป็นครอบครัวชาวต่างชาติที่มีบุตร โดยมักเลือกทำเลที่ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติเพื่อความสะดวกในการเดินทางไปส่งบุตรหลาน ทำเลที่มีโรงเรียนนานาชาติจำนวนมาก ได้แก่:
- ทำเลในเมือง เช่น เอกมัย เหม่งจ๋าย รามอินทรา
- ทำเลชานเมือง เช่น บางนา-กรุงเทพกรีฑา ซึ่งมีโรงเรียนนานาชาติมากถึง 10 แห่ง
Play (การพักผ่อนหย่อนใจ)
ทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์การค้า จะช่วยดึงดูดผู้เช่าได้มากขึ้น ในกรณีของทำเลกรุงเทพกรีฑา มีคอมมูนิตี้มอลล์หลายแห่ง เช่น The Walk หรือ Porsche ที่เพิ่งเปิดใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากซอย ทำให้เป็นทำเลที่มีศักยภาพในการปล่อยเช่าได้ในราคาที่สูง
Stay (สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย)
สภาพแวดล้อมที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับบ้านหรู โดยเฉพาะบ้านที่มีสวนที่ดูอลังการและเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก บ้านหรูในทำเลชานเมืองมักมีพื้นที่มากกว่า ทำให้สามารถจัดสรรพื้นที่สวนและสิ่งอำนวยความสะดวกได้ดีกว่าบ้านในเมืองที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่

แนวทางการตกแต่งบ้านหรูเพื่อการลงทุน
การตกแต่งมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้เช่าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้เช่าที่ยินดีจ่ายค่าเช่าในระดับสูง เช่น แสนบาทขึ้นไป จากกรณีศึกษาบ้านในโครงการนันทวัน กรุงเทพกรีฑา มีแนวทางการตกแต่งดังนี้:
1. พื้นที่ส่วนกลางของบ้าน
- Living Room: ควรมีขนาดใหญ่และดูโอ่อ่า เป็นจุดเด่นที่ดึงดูดผู้เช่า หากส่วนนี้สวยงาม ผู้เช่ามักจะคาดหวังว่าส่วนอื่นๆ ของบ้านก็จะสวยงามด้วยเช่นกัน
- แผงผนัง (Feature Wall): ควรออกแบบให้ดูดีและมีความโดดเด่น อาจเป็น Built-in หรือไม่ก็ได้ แต่ควรเน้นความสวยงามเพื่อสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้เช่า
- เฟอร์นิเจอร์: ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพและดูดี เช่น โต๊ะอาหารที่มีหน้าโต๊ะเป็นหินอ่อนแท้ และโคมไฟที่มีดีไซน์สวยงาม
2. ห้องนอนหลัก (Master Bedroom)
- แผงหัวเตียง: ควรออกแบบให้เป็นจุดเด่นของห้อง เพื่อสร้างบรรยากาศที่หรูหรา
- Walk-in Closet: ควรจัดให้มีพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าที่กว้างขวางและดูหรูหรา
- ตู้เก็บของ: ควรมีพื้นที่จัดเก็บที่เพียงพอและออกแบบอย่างลงตัว
- พื้นที่ใช้สอย: ควรจัดสรรให้มีพื้นที่สำหรับโต๊ะทำงานหรือมุมพักผ่อนส่วนตัว
3. ห้องนอนรอง (Second Master Bedroom)
- แผงหัวเตียง: ควรมีดีไซน์ที่สวยงามแม้จะเป็นห้องรอง
- พื้นที่จัดเก็บ: ควรมี Walk-in Closet หรือตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีการออกแบบอย่างดี
- สิ่งอำนวยความสะดวก: ควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น ทีวี ลิ้นชักเก็บของ
4. ห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ
- ความปลอดภัย: ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นพิเศษ เช่น การใช้วัสดุที่รองรับแรงกระแทกเมื่อล้ม และไม่มีธรณีประตูที่อาจทำให้สะดุด
- ความสะดวกสบาย: ควรจัดให้มีพื้นที่พักผ่อนที่สามารถมองเห็นวิวสวน เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อนในยามเช้า
- พื้นที่จัดเก็บ: ควรมีตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ออกแบบอย่างประณีต มีรายละเอียดดี เช่น มุมโค้งที่สวยงาม
- การตกแต่ง: อาจใช้กระจกฝ้าฟรอสต์ที่มีไฟ LED ติดตั้งภายใน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ไม่ทึบทึมจนเกินไป
กลุ่มเป้าหมายและข้อควรรู้เพิ่มเติม
ผู้เช่าบ้านหรูส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ดังนั้น การตกแต่งควรคำนึงถึงความต้องการของกลุ่มนี้เป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีข้อควรรู้ดังนี้:
- บ้านหรูสำหรับครอบครัวควรมีห้องนอนอย่างน้อย 3-4 ห้อง เพื่อรองรับพ่อแม่ ลูก และอาจมีห้องสำหรับญาติที่มาเยี่ยม
- ควรใช้วัสดุตกแต่งที่มีคุณภาพ ไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ราคาถูกเช่น IKEA เนื่องจากไม่เหมาะกับการตกแต่งบ้านที่ปล่อยเช่าในราคาสูง
- ควรเน้น Built-in เฉพาะในส่วนที่จำเป็น เช่น ตู้เสื้อผ้า แผงทีวี และเลือกเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวที่มีคุณภาพและดูดี
- บ้านหรูที่ตกแต่งอย่างดีสามารถดึงดูดผู้เช่าที่ยินดีจ่ายค่าเช่าสูงได้ เช่น บ้านในโครงการนันทวัน กรุงเทพกรีฑา ที่มีศักยภาพในการปล่อยเช่าได้ 200,000 – 300,000 บาทต่อเดือน

สรุป
การลงทุนในบ้านหรูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง เนื่องจากมีส่วนต่างระหว่างค่าเช่าและค่าผ่อนที่มากกว่าการลงทุนในคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม การลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงหากไม่มีผู้เช่า จึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ทั้งในแง่ของทำเล ผู้พัฒนาโครงการ และหลักการ Work-Play-Stay
การตกแต่งบ้านหรูเพื่อการลงทุนควรเน้นความสวยงาม การใช้วัสดุคุณภาพดี และการออกแบบที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวต่างชาติ การตกแต่งที่เหมาะสมจะช่วยดึงดูดผู้เช่าและเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าได้ในราคาที่สูงขึ้น ทำให้การลงทุนในบ้านหรูมีความคุ้มค่าในระยะยาว